ปราสาทกิฟุ
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
ปราสาทกิฟุ | |
---|---|
岐阜城 | |
จังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น | |
ปราสาทกิฟุ | |
พิกัด | 35°26′02″N 136°46′56″E / 35.43389°N 136.78222°E |
ประเภท | ปราสาทญี่ปุ่น |
ข้อมูล | |
สภาพ | บูรณะขึ้นใหม่ |
ประวัติศาสตร์ | |
สร้าง | ค.ศ. 1201 |
สร้างโดย | ตระกูลนิไกโด |
การใช้งาน | ค.ศ. 1200-1600 |
วัสดุ | ไม่ทราบ (ดั้งเดิม) คอนกรีตเสริมเหล็ก (ปัจจุบัน) |
รื้อถอน | ค.ศ. 1600 |
ข้อมูลสถานี | |
ผู้บัญชาการ ในอดีต | โอดะ โนบูนางะ |
ผู้เข้าถือครอง | ตระกูลไซโตและตระกูลโอดะ |
ปราสาทกิฟุ (ญี่ปุ่น: 岐阜城; โรมาจิ: Gifu-jō) หรือ ปราสาทอินาบายามะ (稲葉山城, Inabayama-jō) เป็นปราสาทประจำจังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญประจำจังหวัด ตัวปราสาทตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนภูเขาคิงกะ ริมแม่น้ำนางาระ หากเดินทางโดยรถไฟมาจากเมืองนาโงยะก็จะเห็นปราสาทกิฟุบนยอดเขาคิงกะ ถือการต้อนรับเข้าสู่จังหวัดกิฟุ
ประวัติ
[แก้]ปราสาทกิฟุสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกโดย ตระกูลนิไกโด ยูกิมาซะ นิไกโด (Yukimasa Nikaido) ระหว่างปี ค.ศ. 1201 ถึง ค.ศ. 1204 ในช่วงยุคคามากูระ[1][2] มิตสึซาเกะ อิบานะผู้ครอบครองปราสาทในยุคต่อไปได้นำนามสกุลของตัวเองมาตั้งชื่อปราสาทเป็นปราสาทอินาบายามะ (ญี่ปุ่น: 稲葉山城; โรมาจิ: Inabayama-jō) หลังจากนั้นในยุคมูโรมาจิ (ค.ศ. 1336-1573) ตระกูลไซโตได้เข้ามาครองครอง ปราสาทกิฟุนั้นได้มีการซ่อมแซมหลายครั้งในหลายสมัย ถึงแม้ว่าจะถูกยกย่องให้เป็นปราสาทที่มีความแข็งแกร่งแต่ครั้งหนึ่งเคยถูกยึดได้ด้วยกำลังพล 16 คนเพียงเท่านั้น
ในระหว่างยุคเซ็งโงกุ (ค.ศ 1467 - 1603) ตระกูลไซโต โดย ไซโต โดซัง (Saitō Dousan) ซามูไรสมญานาม "อสรพิษแห่งแคว้นมิโนะ (美濃の蝮)" ได้พักอาศัยอยู่ที่ปราสาทอิบานายามะ ต่อมาภายหลังบุตรชายนามโยชิตัตสึ (Saitō Yoshitatsu) แอบรู้ความลับว่าพ่อจะมอบแคว้นมิโนะให้แก่บุตรชายคนใดคนหนึ่งหรือลูกเขย คือ โอดะ โนบูนางะ โยชิตัตสึจึงได้สังหารน้องชายทั้งสองคนของตนในปี ค.ศ. 1555 หลังจากนั้น 1 ปี เกิดสงครามระหว่างพ่อลูกที่แม่น้ำนางาระ หรือเรียกว่าสงครามนางารากาวะ โดยฝ่ายพ่อเป็นฝ่ายปราชัยและถูกโยชิตัตสึสังหารในสงคราม หลังจากโยชิตัตสึปกครองแคว้นมิโนะได้ 5 ปี ก็เสียชีวิตด้วยโรคร้าย
ต่อมาไซโต ทัตสึโอกิ บุตรชายของไซโต โยชิตัตสึได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองแคว้นมิโนะและปราสาทอินาบายะมะแทน หลังจากนั้นสามปีซามูไรผู้รับใช้ตระกูลไซโต ทาเกนากะ ฮัมเบะ ได้ยึดอำนาจโดยเดินทางมายังปราสาทเพื่อเยี่ยมน้องชายที่กำลังป่วยอยู่ แต่ที่จริงแล้วเป็นการออกอุบายเพื่อกำจัดทัตสึโอกิ ครั้นเมื่อฮัมเบะเริ่มโจมตี ไดเมียวทัตสึโอกิที่ไหวตัวทันจึงหลบหนีไป ฮัมเบะก็ได้ครอบครองปราสาทอินาบายามะช่วงเวลาหนึ่งแต่ยังคงให้อำนาจแก่ทัตสึโอกิเช่นเดิม ต่อมาฮัมเบะได้กลับมาพบไดเมียวทัตสึโอกิที่ปราสาทอีกครั้ง พบว่าไดเมียวทัตสึโอคิได้สูญเสียความนับหน้าถือตาอันเนื่องมาจากการที่เขาหนีออกจากปราสาทในช่วงที่มีการโจมตีจากฮัมเบะอย่างขี้ขลาดนั่นเอง
ใน ค.ศ. 156 โอดะ โนบูนางะได้เริ่มปฏิบัติการโจมตีที่แคว้นมิโนะ จากปราสาทซูโนมาตะ โนบูนางะนำกองกำลังพลข้ามแม่น้ำคิโซะ (Kiso River) และนำทัพเข้าสู่เมืองอิโนงูจิ (ปัจจุบันคือเมืองกิฟุ) ตลอดการเดินทางได้รวบรวมกำลังพล โดยโนบูนางะได้ล้อมปราสาทอินาบายามะ (siege to Inabayama Castle) การนำทัพพร้อมด้วยธงทัพโดยโนบูนางะทำให้กองกำลังป้องกันปราสาทอินาบายามะของไดเมียวทัตสึโอกิเสียขวัญ และสามารถยืนหยัดสู้บนปราสาทอินาบายามะได้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น ในระหว่างการปิดล้อมนั้น คิโนชิตะ โทกิจิโร ผู้ติดตามของโนบูนางะได้นำกำลังพลกลุ่มเล็กและทหารอีก 7 นายพร้อมด้วยนำเต้าบรรจุน้ำดื่ม ปีนขึ้นไปตามทางลาดชันของภูเขาคิงกะ ลอบโจมตีทางด้านหลังของปราสาทซึ่งไร้กองกำลังคุ้มกัน เผาคลังเก็บของและโรงเก็นดินปืน โดยอาศัยช่วงชุลมุนฝ่าด่านทหารและเข้าไปเปิดประตูด้านหน้าของปราสาท เปิดทางให้กองกำลังโจมตีเข้ามาภายในปราสาทได้ หลังจากที่ทัตสึโอกิพ่ายแพ้ โนบูนางะก็ครอบครองปราสาทอินาบายามะและใช้ปราสาทอินาบายามะเป็นฐานบัญชาการในเวลาต่อมา
ภายหลังโนบูนางะก็เปลี่ยนชื่อปราสาทอินาบายามะเป็น "ปราสาทกิฟุ"[2] โนบูนางะซ่อมแซมปราสาทใหม่ให้ยิ่งใหญ่และหรูหรากว่าเดิม ปราสาทกิฟุถือเป็นหนึ่งสถานที่ที่มีความสำคัญและสวยงาม ตามบันทึกของ หลุยส์ ฟรออิส มิชชันนารีนิกายเยซูอิตชาวโปรตุเกสที่มีชื่อเสียง ครั้งหนึ่งโนบูนางะได้เชิญเขามาเยี่ยมเยียนปราสาท และได้มาพักอยู่ที่กิฟุช่วงระยะเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เขียนในบันทึกยกย่องว่าเป็นปราสาทกิฟุเป็นปราสาทที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก
หลังจากยุคสมัยของโนบูนางะ ปราสาทก็ตกเป็นของบุตรชายคือโอดะ โนบูตาดะ (Oda Nobutada) ซึ่งภายหลังได้ฆ่าตัวตายโดยการคว้านท้องพร้อมกับพ่อที่วัดฮนโนะในเกียวโต ภายหลังโนบูตากะบุตรชายคนที่ 3 เป็นผู้รับช่วงต่อ และหลัจากนั้นปราสาทก็ตกเป็นของตระกูลฮิเกดะและโทโยโตมิ ตามลำดับ ท้ายที่สุด โอดะ ฮิเดโนบุ บุตรชายของโอดะ โนบุทาดะ เป็นผู้ครอบครองปราสาท หลังจากนั้น 8 ปี ก็เกิดยุทธการศึกปราสาทกิฟุ (岐阜城の戦い) ซึ่งเป็นศึกระหว่างสองขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ โทโยโตมิ ฮิเดโยริ กับ โทกูงาวะ อิเอยาซุ โดยฮิเดโนบุอยู่ข้างเดียวกับฮิเดโยริ และได้ถูกกองกำลังของอิเอยาซุ นำโดยไดเมียวทารูมาซะ ฮิเกดะ และไดเมียวมาซาโนริ ฟูกูชิมะ บุกเข้ามาตีก่อนที่จะยึดครองได้สำเร็จ หลังจากนั้นปราสาทกิฟุได้ถูกทำลายลง ได้มีการรื้อถอนบางชิ้นส่วนไปสร้างเป็นปราสาทคาโน (Kanō Castle) เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง[1] แต่ในปัจจุบันไม่มีปราสาทนี้แล้ว
ปัจจุบัน
[แก้]ปราสาทกิฟุในปัจจุบันเป็นโครงสร้างปูนซีเมนต์ สร้างขึ้นใหม่เมื่อประมาณ ค.ศ. 1950 หลังจากที่ปราสาทถูกทำลายโดยระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 (World War II)[2] ภายในปราสาทมีการจัดแสดงนิทรรศการประวัตศาสตร์ของประสาทกิฟุแบ่งออกเป็น 3 ชั้น[2] นิทรรศการประกอบด้วยแผนที่ อาวุธ รูปภาพ และสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีตของปราสาทกิฟุ ชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิวพาโนราม่า 360 องศา สามารถชมทัศนียภาพอันสวยงานของเมืองกิฟุได้โดยรอบที่มีแม่น้ำนางาระไหลผ่านระหว่างเมืองและสามารถมองเห็นเมืองนาโงยะได้ด้วย และสามารถรับชมทัศนียภาพในยามค่ำคืนได้ในระหว่างเวลาทำการช่วงกลางคืน[3]
ระหว่างทางเดินจากปราสาทประกอบไปด้วยสิ่งประดิษฐ์จากปราสาทกิฟุ รวมไปถึงรูปภาพปราสาทชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นด้วย
พิพิธภัณฑ์หอจดหมายเหตุปราสาทกิฟุ
[แก้]นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์หอจดหมายเหตุปราสาทกิฟุได้ ซึ่งตั้งอยู่ในปราสาทกิฟุ 70 m (230 ft) จากประตูทางเข้า (ค่าธรรมเนียมเข้าขมจะรวมอยู่กับค่าเข้าชมปราสาทกิฟุ) ภายในประกอบด้วยจดหมายเหตุของปราสาทกิฟุ ชั้นที่สองประกอบด้วยเครื่องดนตรีจากประเทศญี่ปุ่นทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมไปถึงรูปภาพปราสาทที่ตกแต่งอย่างสวยงามรายล้อมรอบพิพิธภัณฑ์
เวลาทำการ
[แก้]- ช่วงเวลาปกติ
- 16 มีนาคม-11 พฤษภาคม: 9:30 ถึง 17:30
- 12 พฤษภาคม-16 ตุลาคม: 8:30 ถึง 17:30
- 17 ตุลาคม-15 มีนาคม: 9:30 ถึง 16:30
- เที่ยวชมเวลากลางคืน
- 28 เมษายน-6 พฤษภาคม: จนถึง 21:30
- 14 กรกฎาคม-31 สิงหาคม: จนถึง 22:00
- 1 กันยายน-14 ตุลาคม: จนถึง 21:30pm (วันเสาร์, วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น)
- 15 ตุลาคม-30 พฤศจิกายน: จนถึง 18:30pm
ผู้ใหญ่ - 200 เยน (อายุ 16 ปีขึ้นไป) เด็ก - 100 เยน (อายุ 4 - 15 ปี)
ราคาสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่ม (30 คนขึ้นไป) : ส่วนลดจากราคาปกติ 20%
- [ค่ากระเช้าลอยฟ้าขึ้นเขาคิงกะ]
- ผู้ใหญ่ - 1080 เยน / ไปกลับ (อายุ 12 ปีขึ้นไป หรือนักเรียนประถมศึกษาต้น) เด็ก - 540 เยน / ไปกลับ (อายุ 4 - 11 ปี)
ราคาหลังจาก 18.00 น.:
ผู้ใหญ่ - 900 เยน / ไปกลับ
เด็ก - 450 เยน / ไปกลับ
สามารถใช้บริการรถบัสจากสถานี เจอาร์ กิฟุ (JR Gifu Station) หรือ เมอิเทะซึ กิฟุ (Meitetsu Gifu Station) เดินทางไป “Gifu Park/ Gifu City Museum of History”. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที. 210 เยน/เที่ยว) รถบัสที่ให้บริการมีดังนี้
- กิฟุบัส หมายเลข N80 ทากาโตมิ (Takatomi) สถานี JR Gifu ป้ายหมายเลข 12[5] สถานี Meitetsu Gifu ป้ายหมายเลข 4[6]
- กิฟุบัส หมายเลย N32 และ N86 เฉพาะเดินทางไปสวนสาธารณะกิฟุ/ทากาโตมิ (Gifu Park /Takatomi direction) สถานี JR Gifu ป้ายหมายเลข 13[5] สถานี Meitetsu Gifu ป้ายหมายเลข 4[6]
- รถบัสรอบเมือง “City Loop-line” (เฉพาะรถบัสวิ่งทวนเข็มนาฬิกา)
เดินเท้าประมาณ 3 นาที จากป้ายสถานี “Gifu Park/ Gifu City Museum of History. ขึ้นไปยังประสาทกิฟุโดยกระเช้าลอยฟ้า (Mt. Kinka Ropeway), (ใช้เวลาประมาณ 3 นาที) และเดินเท้าอีกประมาณ 8 นาที หรือสามารถเดินเท้าจากตีนเขาไปยังปราสาทกิฟุ (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)
*หมายเหตุไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ขึ้นเขาคิงกะและปราสาทกิฟุ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Gifu Castle Official Page เก็บถาวร 2008-04-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (ญี่ปุ่น) Gifu City Hall. Accessed January 11, 2008.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 Gifu Castle. Japan National Tourist Organization. Accessed May 7, 2008.
- ↑ Gifu City Walking Map. Gifu Lively City Public Corporation, 2007.
- ↑ 4.0 4.1 Gifu Castle, Gifu Convention and Visitors Bureau,https://www.gifucvb.or.jp/en/01_sightseeing/01_02.html Accessed 28 February 2018
- ↑ 5.0 5.1 JR岐阜, 岐阜バス, http://www.gifubus.co.jp/rosen/noriba/jr-gifu/ Accessed 28 February 2018
- ↑ 6.0 6.1 名鉄岐阜, 岐阜バス,http://www.gifubus.co.jp/rosen/noriba/meitetsu-gifu/ Accessed 28 February 2018
บรรณานุกรม
[แก้]- Benesch, Oleg and Ran Zwigenberg (2019). Japan's Castles: Citadels of Modernity in War and Peace. Cambridge: Cambridge University Press. p. 374. ISBN 9781108481946.
- De Lange, William (2021). An Encyclopedia of Japanese Castles. Groningen: Toyo Press. pp. 600 pages. ISBN 978-9492722300.
- Schmorleitz, Morton S. (1974). Castles in Japan. Tokyo: Charles E. Tuttle Co. p. 117. ISBN 0-8048-1102-4.