ศรายุทธ ชัยคำดี
ข้อมูลส่วนตัว | ||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | ศรายุทธ ชัยคำดี | |||||||||||||||||||
วันเกิด | 24 กันยายน พ.ศ. 2524 | |||||||||||||||||||
สถานที่เกิด | ขอนแก่น ไทย | |||||||||||||||||||
ส่วนสูง | 1.71 m (5 ft 7 1⁄2 in) | |||||||||||||||||||
ตำแหน่ง | กองหน้า | |||||||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | ||||||||||||||||||||
2542 | ทหารอากาศ | |||||||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | ||||||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | |||||||||||||||||
2544–2548 | การท่าเรือฯ | 47 | (33) | |||||||||||||||||
2548–2550 | บินห์ ดินห์ | 29 | (20) | |||||||||||||||||
2550 (เลก 2) | การท่าเรือฯ | 7 | (6) | |||||||||||||||||
2551–2552 | โอสถสภา เอ็ม 150 | 51 | (21) | |||||||||||||||||
2553 | การท่าเรือไทย เอฟ.ซี. | 26 | (13) | |||||||||||||||||
2554 | บางกอกกล๊าส เอฟซี | 24 | (15) | |||||||||||||||||
2555 | อาร์มี่ ยูไนเต็ด | 12 | (2) | |||||||||||||||||
2555 (เลก 2) | บางกอก เอฟซี | 16 | (3) | |||||||||||||||||
2556 | บีอีซี เทโรศาสน | 1 | (0) | |||||||||||||||||
2556 (เลก 2) | → สมุทรสงคราม (ยืมตัว) | 5 | (0) | |||||||||||||||||
2557 | ศรีสะเกษ เอฟซี | 32 | (9) | |||||||||||||||||
2558 | แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล | 10 | (1) | |||||||||||||||||
2559 | ขอนแก่น ยูไนเต็ด | 19 | (0) | |||||||||||||||||
ทีมชาติ | ||||||||||||||||||||
2546 | ไทย ยู-23 (ซีเกมส์) | 4 | (9) | |||||||||||||||||
2546–2553 | ไทย | 49 | (31) | |||||||||||||||||
จัดการทีม | ||||||||||||||||||||
2561–2562 | ขอนแก่น ยูไนเต็ด | |||||||||||||||||||
2562–2563 | บ้านค่าย ยูไนเต็ด | |||||||||||||||||||
2563 | ศรีสะเกษ (ประธานฝ่ายเทคนิค) | |||||||||||||||||||
2565 | สมุทรสาคร ซิตี้ | |||||||||||||||||||
2566 | สมุทรสาคร ซิตี้ | |||||||||||||||||||
เกียรติประวัติ
| ||||||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น |
ศรายุทธ ชัยคำดี (เกิด 24 กันยายน พ.ศ. 2524) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวไทยในตำแหน่งกองหน้า ศรายุทธมีฉายาว่า "โจ้ 5 หลา" เจ้าตัวได้รับการยกย่องว่าเป็นเหมือน van basten เมืองไทย[ต้องการอ้างอิง] เคยถูกเสนอชื่อให้เป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในอาเซียน 3 สมัย เคยคว้ารางวัลดาวซัลโวไทยพรีเมียร์ลีกได้ 2 สมัย และคว้าแชมป์โตโยต้า ลีกคัพ 2553 กับสโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย และเป็นนักฟุตบอลที่เคยเล่นให้กับสโมสรในระดับไทยพรีเมียร์ลีกมากที่สุดถึง 7 สโมสร นอกจากนี้ยังเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่สามารถทำประตูในไทยพรีเมียร์ลีกได้ถึง 100 ประตู และเคยถือครองสถิติดาวซัลโวสูงสุดของไทยพรีเมียร์ลีกเมื่อรวมทุกฤดูกาล ก่อนสถิติดังกล่าวจะถูกทำลายลงโดยคลีตัน ซิลวา ในฤดูกาล 2559[1]
ในระดับทีมชาติ ศรายุทธ เคยพาทีมชาติไทย ชุด U-23 คว้าเหรียญทองในกีฬาซีเกมส์ 2003 ที่ประเทศเวียดนาม พร้อมกับคว้ารางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ไปครองโดยยิงไปถึง 9 ประตู โดยนับเป็นนักฟุตบอลชาวไทยที่ยิงประตูได้มากที่สุดในแข่งขันกีฬาซีเกมส์หนึ่งสมัย และติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ 49 นัด ยิงได้ 31 ประตู
ศรายุทธได้ประกาศยุติการเป็นนักเตะเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2560 หลังจากเล่นให้กับขอนแก่น ยูไนเต็ด ในไทยลีก ดิวิชัน 1 เป็นสโมสรสุดท้าย
ประวัติ
[แก้]ศรายุทธ ชัยคำดี เกิดเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2524 ที่จังหวัดขอนแก่น มีชื่อเล่นว่าโจ้ เริ่มเข้ารับการศึกษาในชั้นประถมที่โรงเรียนบ้านนาโพธิ์ และศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนโนนสะอาดวิทยาคาร จากนั้นจึงมาเข้ารับการศึกษาในสายวิชาชีพที่วิทยาลัยเทคโนโลยีพลพณิชยการ
ศรายุทธ ชื่นชอบและหัดเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะตะกร้อและฟุตบอล
การเล่นฟุตบอล
[แก้]ศรายุทธ ชัยคำดี ได้เดินทางมาทดสอบฝีเท้าเพื่อรับการคัดเลือกตัวเป็นนักฟุตบอลรุ่นเยาวชนที่สโมสรฟุตบอลทหารอากาศ เมื่อผ่านการคัดเลือกจึงได้ลงแข่งขันฟุตบอลเยาวชนควีนส์คัพในปี พ.ศ. 2542 ในฐานะนักเตะรุ่นเยาวชนของสโมสรทหารอากาศ
การท่าเรือแห่งประเทศไทย
[แก้]หลังจากจบทัวร์นาเมนต์เยาวชนควีนส์คัพ ศรายุทธได้มาคัดเลือกตัวที่สโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทยและได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับสโมสร โดยสร้างผลงานการยิงประตูได้อย่างโดดเด่น ด้วยการคว้าตำแหน่งดาวซัลโวลีกสูงสุดของประเทศอย่างไทยลีก ฤดูกาล 2545/46 และก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ปี พ.ศ. 2546 ที่ประเทศเวียดนาม
ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ศรายุทธ ชัยคำดี พาทีมชาติไทยคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ พร้อมกับคว้าตำแหน่งดาวซัลโวประจำทัวนาเมนต์ไปครอง ด้วยการยิงคนเดียวถึง 9 ประตู โดยเป็นนักฟุตบอลชาวไทยที่ยิงประตูได้เยอะที่สุดในการแข่งขันซีเกมส์ 1 สมัย
ในการแข่งขันไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2547/48 ศรายุทธ คว้าตำแหน่งดาวซัลโวประจำไทยลีกได้อีก 1 สมัย และพาสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4
บินห์ดินห์
[แก้]ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 หลังจากคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดประจำไทยลีกเป็นสมัยที่ 2 ของตัวเอง ศรายุทธ ชัยคำดีได้เซ็นสัญญาย้ายไปเล่นให้กับกับสโมสรฟุตบอลบินห์ดินห์ ในวี-ลีก ประเทศเวียดนาม ภายใต้การคุมทีมของผู้ฝึกสอนชาวไทยในขณะนั้นอย่างอาจหาญ ทรงงามทรัพย์ โดยช่วงเวลาดังกล่าวสโมสรกำลังอยู่ในช่วงดิ้นรนหนีการตกชั้นในเลกที่ 2 ของวีลีก ฤดูกาล 2005 และศรายุทธ มีส่วนสำคัญเมื่อช่วยยิงประตูให้ทีมหนีรอดจากการตกชั้นได้สำเร็จเมื่อจบฤดูกาล
ปีต่อมาในวีลีกฤดูกาล 2006 สโมสรเปลี่ยนหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็น เซือง ง๊อก ฮึง (เวียดนาม:Dương Ngọc Hùng) ซึ่งเป็นชาวเวียดนาม และศรายุทธ ก็ยังคงเป็นกำลังหลักของทีม และพาทีมจบฤดูกาล 2006 ด้วยอันดับที่ 4 โดยยิงประตูในวีลีก ฤดูกาลนั้นไป 9 ประตู
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 ศรายุทธ ชัยคำดี ที่ทำผลงานดีในเวียดนามได้ถูกชาญวิทย์ ผลชีวินเรียกตัวติดทีมชาติ เพื่อลงแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 37 โดยได้เล่นในทีมชาติร่วมกับกองหน้ากัปตันทีมอย่างเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
การท่าเรือแห่งประเทศไทย
[แก้]หลังหมดสัญญากับสโมสรฟุตบอลบินห์ดินห์ ในประทศเวียดนาม ศรายุทธย้ายกลับมาเล่นฟุตบอลในประเทศไทยอีกครั้ง โดยเป็นการกลับมาช่วยต้นสังกัดเก่าอย่างสโมสรฟุตบอลการท่าเรือฯ ที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นอย่างหนักในช่วงเลกที่ 2 ของไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2550 โดยศรายุทธ ชัยคำดี ยิงประตูสำคัญในช่วงท้ายของฤดูกาล โดยยิงในลีกไปทั้งหมด 6 ประตู และพาการท่าเรือรอดตกชั้นได้สำเร็จอย่างฉิวเฉียด โดยมีคะแนนห่างจากโซนตกชั้นเพียง 1 คะแนน
โอสถสภา
[แก้]เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2551 หลังหมดสัญญาระยะสั้นกับสโมสรฟุตบอลการท่าเรือฯ ศรายุทธ ชัยคำดี ได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลโอสถสภา แบบไม่มีค่าตัว ในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2551 ภายใต้การคุมทีมของอาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ผู้ฝึกสอนที่เคยร่วมงานกันมาก่อนที่สโมสรฟุตบอลบิน ดินห์ ในเวียดนาม โดยเซ็นสัญญากับทีม 1 ปี
โดยศรายุทธ ลงสนามในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกให้กับสโมสรฟุตบอลโอสถสภา เป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ในการแข่งขันไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกนัดแรกของฤดูกาล ที่สนามกีฬาการเคหะแห่งชาติคลองจั่น ซึ่งการลงสนามนัดแรกของเขาก็สามารถยิงประตูได้ทันที โดยเป็นการยิงให้ทีมไล่ตีเสมอทีมเยือนอย่างสมุทรสงคราม เอฟซี 1–1
จบฤดูกาลศรายุทธ ชัยคำดี ยิงในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกไป 12 ลูก และต่อสัญญากับทีมไปอีก 1 ปี
ฤดูกาล 2552 เขายิงในลีกได้ 9 ประตู
การท่าเรือไทย เอฟซี
[แก้]เมื่อหมดสัญญากับสโมสรฟุตบอลโอสถสภาในปลายปีนั้นเอง เขาได้ย้ายกลับมาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยลงเล่นภายใต้การคุมทีมของสะสม พบประเสริฐ ซึ่งไว้วางใจให้เขาเป็นกัปตันทีม โดยในฤดูกาลนี้สโมสรการท่าเรือไทยได้สิทธิลงแข่งขันในรายการระดับทวีปเอเชียคือการแข่งขันเอเอฟซีคัพ 2010
เหตุการณ์สำคัญของศรายุทธ ชัยคำดี ในการแข่งขันเอเอฟซี คัพ 2010 เกิดขึ้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 โดยสโมสรต้องพบกับ สโมสรฟุตบอลศรีวิจาย่า จากซุปเปอร์ลีก ประเทศอินโดนีเซีย ที่สนามจากาบาริ่ง สเตเดี้ยม ขณะนั้นสโมสรการท่าเรือไทย ถูกยิงประตูขึ้นนำไปก่อน 1–0 จาก โอนูร์ โอบิโอร่า กองหน้าทีมชาติไนจีเรียชุดเยาวชน ของเจ้าถิ่น แต่ศรายุทธ ชัยคำดี ก็สามารถระเบิดฟอร์มอันยอดเยี่ยม ด้วยการทำแฮตทริกยิงคืนคนเดียว 3 ประตู พาการท่าเรือไทยบุกแซงชนะเจ้าถิ่นไปขาดลอยถึง 1–4 และผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับสโมสรฟุตบอลอัลกอดิซียะฮ์ แชมป์พรีเมียร์ลีกคูเวต ซึ่งในรอบนี้แม้การท่าเรือไทยจะยันเสมอได้ในนัดแรกที่สนามศุภชลาศัย 0–0 แต่ในนัดที่ต้องออกไปเยือนที่ประเทศคูเวต ด้วยตัวผู้เล่นและความแข็งแกร่งที่เป็นรอง ทำให้ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของแชมป์ลีกสูงสุดจากคูเวตได้ โดยในวันที่ 21 กันยายน 2553 ที่สนามกีฬามุฮัมมัด อัลฮะมัด เมืองฮะวัลลี จบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้าน 3–0 โดยอัลกอดิซิยะฮ์ได้ประตูจากนักฟุตบอลดีกรีทีมชาติคูเวตอย่างฮาเหม็ด อัลเอ็นซี่, บัดร์ อัลมูตาวา, อับดุลลาซิส อัลเอ็นซี่ การท่าเรือไทย จึงตกรอบในที่สุด
ส่วนในไทยพรีเมียร์ลีกศรายุทธ พาทีมจบอันดับที่ 4 ของตารางคะแนนโดยทำประตูในไทยพรีเมียร์ลีกได้รวม 13 ประตู
ส่วนในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ แม้ในการแข่งขันไทยคม เอฟเอคัพ 2553 สโมสรจะลงแข่งขันในฐานะแชมป์เก่า แต่กลับสร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลของสโมสร เมื่อในการแข่งขันรอบที่ 3 ที่ต้องพบกับพัทยา ยูไนเต็ด ศรายุทธยิงจุดโทษให้สโมสรขึ้นนำก่อน 1–0 แต่เมื่อจบการแข่งขันกลับแพ้คาบ้านไป 2–3 ตกรอบในที่สุด [2] อย่างไรก็ตามสโมสรสร้างผลงานที่ดีในบอลถ้วยรายการที่เหลืออย่างโตโยต้า ลีกคัพ 2553
ในการแข่งขันชิงถ้วยโตโยต้า ลีกคัพ 2553 ศรายุทธ ชัยคำดีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ โดยเฉพาะรอบรองชนะเลิศที่ต้องพบกับสโมสรฟุตบอลราชนาวี-ระยอง โดยการแข่งขันนัดแรกเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่สนามกีฬากลางจังหวัดระยอง แม้ศรายุทธ จะยิงได้ 1 ประตู แต่ทีมกลับแพ้ไปถึง 3–1 ต่อมาในการแข่งขันนัดที่สอง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน สโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย ได้กลับมาเล่นในบ้านของตัวเอง แต่ไม่มีกองเชียร์เข้ามาเชียร์เพราะสโมสรถูกลงโทษห้ามแฟนบอลเข้ามาในสนาม แต่ศรายุทธก็ยังสามารถยิงได้ 1 ประตู ทำให้สโมสรพลิกกลับมาชนะราชนาวี 3–1 ทำให้ประตูรวมกลับมาเท่ากันที่ 4–4
ในช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 107 ศรายุทธ หลุดเข้าไปยิงลูกเรียดผ่านมือ สิบเอก โกสินทร์ เหมบุตร นายทวารทีมเยือนเข้าไปอย่างเด็ดขาด ทำให้การท่าเรือไทย พลิกกลับมาชนะได้ด้วยประตูรวม 5–4 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2553 ที่สนามศุภชลาศัย สโมสรการท่าเรือไทย ต้องพบกับทีม บุรีรัมย์–พีอีเอ ที่ได้รองแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยศรายุทธ ต้องพลาดโอกาสในการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศอย่างน่าเสียดายเนื่องจากติดโทษแบน แต่สโมสรก็สามารถพลิกเอาชนะบุรีรัมย์–พีอีเอ ไปได้ 2–1 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
ถึงแม้จะไม่ได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศแต่ศรายุทธ ชัยคำดี ก็ได้รับเลือกจากคณะกรรมการจัดการแข่งขันให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ โดยได้รับรางวัลเป็นรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ 1 คัน [3] รวมถึงได้รับเลือกจากสโมสรให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรการท่าเรือไทยอีกด้วย
หลังจบฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม เขาได้ออกมาเปิดเผยว่าต้องการย้ายสโมสร โดยเขาตกเป็นเป้าความสนใจของขอนแก่น เอฟซี ,สมุทรสงคราม เอฟซี รวมถึงเมืองทอง ยูไนเต็ด
บางกอกกล๊าส
[แก้]หลังจากประสบความสำเร็จและหมดสัญญากับทีมการท่าเรือ ในเดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2554 ศรายุทธก็ได้เซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าสเป็นเวลา 2 ปี[4] โดยลงสนามในไทยพรีเมียร์ลีกนัดแรกให้บางกอกกล๊าส วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2554 ในเกมส์ที่ออกไปเยือนสโมสรพัทยา ยูไนเต็ด ที่สนามสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี ผลจบลงที่พัทยา ยูไนเต็ดเอาชนะไปได้ 2-1
ในเดือนต่อมา วันที่ 13 มีนาคม 2554 ศรายุทธ ชัยคำดี ก็ยิงประตูแรกในไทยพรีเมียร์ลีกให้บางกอกกล๊าสได้สำเร็จจากการยิงลูกจุดโทษ ในเกมส์ที่เปิดบ้านเสมอกับสโมสรอาร์มี่ ยูไนเต็ด 1-1 ที่สนามลีโอ สเตเดี้ยม และนัดต่อมาแม้ว่าเขาจะยิงวอลเล่ย์หน้ากรอบเขตโทษเข้าไปให้บางกอกกล๊าส ตีเสมอ สโมสรการท่าเรือ 1-1 และแบ่งแต้มออกมาจากสนามแพท สเตเดี้ยมได้ แต่ผลงานของทีมยังไม่ดีนักเมื่อแข่ง 4 นัดยังไม่ชนะทีมใดเลย ทางสโมสรจึงได้แต่งตั้งให้อาจหาญ ทรงงามทรัพย์เข้ามาคุมทีมแทน การเข้ามาคุมทีมนัดแรกของอาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ทำให้บางกอกกล๊าส ชนะเป็นนัดแรก ในเกมส์ที่เปิดสนามลีโอ สเตเดี้ยม เอาชนะ โอสถสภา เอ็ม-150 ไป 2-0 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554 โดยศรายุทธ ชัยคำดี ยิงประตูนำห่าง 2-0 ในนาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นการยิงประตูได้ 3 นัดติดต่อกัน และพาทีมชนะเป็นนัดแรกของฤดูกาล
ในเดือนเมษายน เขายิงเพิ่มได้อีก 2 ประตู เป็นการยิงประตูชัยในเกมส์ที่บุกไปเฉือนชนะ สโมสรทีทีเอ็ม เอฟซี พิจิตร ได้ที่พิจิตร สเตเดี้ยม 1-0 เมื่อวันที่ 10 เมษายน และ เกมที่เปิดบ้านพบสโมสรฟุตบอลราชนาวี วันที่ 17 เมษายน โดยเขายิงลูกแรกให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ก่อนผลจบลงที่ทีมของเขาถล่มราชนาวีไป 4-0
ศรายุทธ ยังคงทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง ในเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยวันที่ 15 พฤษภาคม เขายิงคนเดียว 2 ประตู ให้สโมสรเบียดเอาชนะเชียงราย ยูไนเต็ดไปได้ 3-2 ที่สนามลีโอ สเตเดี้ยม ก่อนจะซัดแฮตทริก โดยยิงไป 3 ประตูในเกมส์ที่ชนะสโมสรเพื่อนตำรวจไป 5-3 ที่สนามลีโอสเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2554
ในเดือนมิถุนายน ศรายุทธ ชัยคำดี ยิง1 ประตูในเกมส์บุกไปชนะขอนแก่น เอฟซี 2-0 ที่สนามมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ก่อนจะปิดฉากเลกแรกด้วยการยิงให้ทีมขึ้นนำชลบุรี เอฟซี 1-0 ก่อนจะจบลงด้วยชัยชนะ 2-0 ที่ลีโอสเตเดี้ยม ทำให้เขาขึ้นนำเป็นดาวซัลโวสูงสุดในครึ่งฤดูกาลแรกที่ 12 ประตู
การแข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีกเลกที่สอง ทีมของเขาเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก หลังจากตกรอบฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ 2554 รอบ 32 ทีมสุดท้าย ด้วยการแพ้ในบ้านต่อสโมสรเพื่อนตำรวจ 1-3 นัดต่อมาในไทยพรีเมียร์ลีกวันที่ 6 สิงหาคม ทีมก็เสมอกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 1-1 ที่สนามกีฬากองทัพบก โดยเขาเป็นคนยิงจุดโทษตีเสมอให้กับทีม และจากนั้นทีมของเขาก็ออกไปแพ้เมืองทอง ยูไนเต็ดถึง 6-2 ที่ยามาฮ่า สเตเดี้ยม ทำให้อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ กุนซือที่คุ้นเคยกับเขาต้องลาออกจากทีมไป โดยสโมสรได้แต่งตั้งให้สุรชัย จตุรภัทรพงษ์ อดีตนักเตะทีมชาติไทยเข้ามาคุมทีมแทน และศรายุทธ ชัยคำดีก็ไม่ได้รับการการันตีตำแหน่งตัวจริงเหมือนเช่นเคย
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงในช่วงแรก ศรายุทธยังรักษาตำแหน่งตัวจริงในทีมเอาไว้ได้ โดยในวันที่ 14 สิงหาคม 2554 ในไทยพรีเมียร์ลีก ศรายุทธ ชัยคำดี ยิงฟรีคิกใส่สโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ทีมเก่าของเขา เป็นประตูชัยให้บางกอกกล๊าส เฉือนชนะ การท่าเรือไทย ไป 2-1 ที่ลีโอสเตเดี้ยม และมายิงอีก 1 ประตูในเกมส์เปิดบ้านถล่ม ทีทีเอ็ม-พิจิตร ไป 4-0 ในวันที่ 25 กันยายน ซึ่งเป็นประตูที่ 15 ในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ของเขา
ต่อมาในการแข่งขันชิงถ้วยรางวัล ไทยคม เอฟเอคัพ 2554 ในรอบ 3 ที่ทีมโคจรมาพบกับทีมการท่าเรือ ในวันที่ 19 ตุลาคม 2554 เขายิงปิดท้ายให้ทีมเข้ารอบต่อไปด้วยสกอร์ 2-0 แต่กลับถูกดร๊อปเป็นตัวสำรองในรอบต่อมาที่พบกับเมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งทีมของเขาตกรอบด้วยการดวลจุดโทษ
โดยในช่วงท้ายๆฤดูกาลเขาต้องตกเป็นตัวสำรองของชาตรี ฉิมทะเล และ ซามูเอล อจายี่ กองหน้าความเร็วสูงชาวไนจีเรีย ทำให้เจ้าตัวแสดงความต้องการจะย้ายทีมเมื่อจบฤดูกาล
และเมื่อจบฤดูกาลศรายุทธยิงในไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2554 ได้ถึง 15 ลูก ซึ่งฤดูกาลนี้เป็นปีที่ตัวเขาเองยิงในลีกได้เยอะที่สุดในการค้าแข้ง และได้เป็นดาวซัลโวอันดับที่ 4
อาร์มี่ ยูไนเต็ด
[แก้]จากการที่ไม่ค่อยได้ลงเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอในช่วงหลังๆ แม้จะยิงในลีกไปถึง 15 ลูกในฤดูกาล 2554 ทำให้ในเดือน มกราคม พ.ศ. 2555 ศรายุทธ ชัยคำดี ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม "สุภาพบุรุษวงจักร" อาร์มี่ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 2 ล้านบาท โดยจะลงเล่นภายใต้การคุมทีมของพนิพล เกิดแย้ม [5]และลงสนามให้ทีมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2555 ในนัดเปิดสนามไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2555 ที่อาร์มี่ ยูไนเต็ด เสมอกับ ชัยนาท ไป 1-1 ที่สนามกีฬากองทัพบก[6] และสัปดาห์ต่อมาวันที่ 24 มีนาคม 2555 เขาก็ยิงประตูแรกในลีกให้ต้นสังกัดได้ในเกมส์บุกไปเยือนสโมสรทีโอที เอสซี ที่สนามทีโอที สเตเดี้ยม โดยในเกมส์นั้นศรายุทธเป็นคนส่งให้ธาตรี สีหา ยิงให้ทีมขึ้นนำก่อน 1-0 ก่อนที่ในครึ่งหลังตัวเขาเองจะยิงปิดท้ายให้อาร์มี่ ยูไนเต็ดบุกมาชนะทีโอทีถึงถิ่น 2-0
ศรายุทธ ชัยคำดี ยิงประตูที่ 2 ในฤดูกาลนี้ ในเกมส์ลีกนัดที่ 5 ที่อาร์มี่ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบกับสโมสรฟุตบอลโอสถสภา เอ็ม–150 สระบุรี เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2555 ที่สนามกีฬากองทัพบก โดยศรายุทธโหม่งให้ทีมขึ้นนำก่อน 1-0 ก่อนที่ทีมเยือนจะยิงคืน 3 ประตูรวด จบเกมส์อาร์มี่ แพ้ไป 1-3 แต่หลังจากนั้นตลอดครึ่งฤดูกาลแรกเขากลับไม่สามารถยิงประตูเพิ่มและไม่สามารถเรียกฟอร์มสุดยอดออกมาได้ ทำให้ตกเป็นตัวสำรองในเวลาต่อมา
หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงของบอร์ดบริหารสโมสร และได้เปลี่ยนกุนซือใหญ่ของทีมเป็น พลตรีอำนาจ เฉลิมชวลิต อดีตนักเตะและกัปตันทีมชาติไทย เมื่อทีมตกรอบ 64 ทีมสุดท้ายในการแข่งขันโตโยต้า ลีกคัพ 2555 อย่างน่าผิดหวัง ทำให้เกิดกระแสข่าวว่าสโมสรพร้อมปล่อยเขาออกจากทีม [7] และทีมที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาอย่างเมืองทอง ยูไนเต็ด ก็ต้องถอนข้อเสนอออก เพราะทางอาร์มี่ ยูไนเต็ดเรียกค่าตัวสูงถึง 3 ล้านบาท แต่ก็ยังมีอีกหลายสโมสรต้องการตัวเขาไปร่วมทีม เช่นบีอีซี เทโรศาสน ในไทยพรีเมียร์ลีก หรือทีมระดับดิวิชั่น 1อย่างสโมสร ปตท. ระยอง และ บางกอก เอฟซี
บางกอก เอฟซี
[แก้]เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 หลังจากตกเป็นข่าวมานาน ว่าทีมบางกอก เอฟซี ทีมในไทยลีก ดิวิชั่น 1 พยายามจะนำตัวศรายุทธ ชัยคำดี มาร่วมทีมเพื่อลงเล่นในเลกที่ 2 ของฤดูกาล 2555 ในที่สุดศรายุทธ ก็ตกลงที่จะย้ายลงมาเล่นในดิวิชั่น 1 เป็นครั้งแรกให้กับบางกอก เอฟซี โดยศรายุทธ จะได้ร่วมงานกับกุนซือที่สนิทสนมกันในทีมชาติไทย คือเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
การลงสนามในดิวิชั่น 1 ครั้งแรกของเขา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 ในเกมส์ดิวิชั่น 1 นัดแรกของเลกที่ 2 ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี และ บางกอก เอฟซี ที่สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรี ผลจบลงที่สุพรรณบุรี ไล่ถล่ม บางกอก เอฟซี ไป 3-0
ผลงานในสนามของศรายุทธ ชัยคำดี ในดิวิชั่น 1 ไม่ร้อนแรงเหมือนอย่างที่หลายคนคาดไว้ และยิงประตูได้ไม่มากนัก เขาต้องใช้เวลาลงเล่นถึง 11 นัดกว่าจะยิงประตูแรกในดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ โดยการยิงประตูแรกในดิวิชั่น 1 ให้สโมสรบางกอก เอฟซีต้นสังกัดของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555 ในเกมส์ที่ออกไปแพ้ทีมเจ.ดับบลิว รังสิต เอฟซี 3-2 ที่สนามโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ
ต่อมาศรายุทธ ยิงได้อีก 1 ประตู ในเกมส์ที่ออกไปเสมอกับ สงขลา เอฟซี 3-3 เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ และนัดสุดท้ายของฤดูกาลเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เป็นการพบกันระหว่างบางกอก เอฟซี และ กระบี่ เอฟซี ที่สนามศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ บางมด ซึ่งศรายุทธ โหม่งประตูชัยให้ทีมเปิดบ้านชนะไป 2-1
ถึงแม้เขาจะยิงในลีกได้แค่ 3 ประตูแต่ก็มีส่วนช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการตกชั้น โดยสโมสรบางกอก เอฟซีได้อันดับ10 เมื่อจบฤดูกาล และสามารถหนีรอดพ้นจากการตกชั้นได้สำเร็จ
ในเดือนพฤศจิกายน 2555 ศรายุทธ ชัยคำดี แสดงความต้องการอยากย้ายทีมเพื่อหาโอกาสกลับไปเล่นในระดับไทยพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง โดยทางสโมสรพร้อมปล่อยตัวออกจากทีม[8]
บีอีซี เทโรศาสน
[แก้]เดือน มกราคม ปี 2556 ศรายุทธ ชัยคำดี ได้รับโอกาสในการลงเล่นระดับไทยพรีเมียร์ลีกอีกครั้งหนึ่ง โดยย้ายมาอยู่กับ บีอีซี เทโรศาสน เพื่อลงแข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2556
ภายใต้การคุมทีมของสเตฟาเน่ เดโมล โค้ชชาวเบลเยี่ยม ศรายุทธไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนัก โดยต้องตกเป็นตัวสำรอง และได้ลงสนามนัดแรกให้บีอีซี เทโรศาสน ในวันที่ 24 มีนาคม ในฟุตบอลชิงถ้วยโตโยต้า ลีกคัพ 2556 รอบ 64 ทีมสุดท้าย ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา คลองหก โดยเป็นการพบกับสโมสรยาสูบ-ลพบุรี ซึ่งศรายุทธยิงให้ทีมขึ้นนำก่อน 1-0 ก่อนจะจบลงด้วยการบุกมาชนะเจ้าถิ่นไปด้วยสกอร์ 4-1
ส่วนในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีก ศรายุทธ ชัยคำดี ลงสนามในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556 ในเกมส์ออกไปเยือน แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยถูกเปลี่ยนลงมาแทนวิชะดา เดชมิตรในช่วง 20 นาทีสุดท้าย (จบเกมส์แบงค็อก ยูไนเต็ดแพ้ 2-3) หลังจากนั้นเป็นต้นมาศรายุทธ ก็ไม่ได้ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมและได้ลงสนามให้ทีมอีกแค่นัดเดียวในลีกคัพรอบ 32 ทีมสุดท้ายที่พบกับขอนแก่น เอฟซี จากนั้นก็ไม่ได้ลงสนามอีกเลย จึงตัดสินใจย้ายทีมในที่สุด
สมุทรสงคราม เอฟซี
[แก้]ในเดือนมิถุนายน ช่วงเลกที่ 2 ของไทยพรีเมียร์ลีก 2556 ศรายุทธ ชัยคำดีได้ถูกสมุทรสงคราม เอฟซี ที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นและมีสมชาย ชวยบุญชุมเป็นกุนซือใหญ่ขณะนั้น ทำสัญญายืมตัวมาร่วมทีม
โดยศรายุทธ ชัยคำดีลงสนามในไทยพรีเมียร์ลีกให้สมุทรสงครามนัดแรกในวันที่ 6 กรกฎาคม 2556 ในเกมส์ที่แพ้พัทยา ยูไนเต็ด 1-0 ที่สนามเทศบาลเมืองหนองปรือ หลังจากนั้นยังคงไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ และต้องตกเป็นตัวสำรองบ่อยครั้งโดยที่ไม่สามารถยิงประตูในลีกช่วงที่เหลือได้เลย จนถูกสมชาย ชวยบุญชุ่ม กุนซือของทีมตำหนิฟอร์มการเล่นในช่วงนี้ออกสื่อ[9] ฤดูกาลนี้จึงเป็นปีที่น่าผิดหวังสำหรับตัวเขาอย่างแท้จริง เพราะถึงแม้สมุทรสงครามจะรอดพ้นจากการตกชั้น แต่เขาก็ได้ลงสนามให้ทีมแค่ 5 นัด และเป็นปีที่ทั้งฤดูกาลเขาไม่สามารถยิงประตูในไทยพรีเมียร์ลีกได้แม้แต่ลูกเดียว ทั้งกับบีอีซี เทโรศาสน ในครึ่งฤดูกาลแรก และ สมุทรสงครามในครึ่งฤดูกาลหลัง โดยเขายิงได้เพียงแค่ 1 ลูกในเกมส์โตโยต้า ลีกคัพ ให้กับบีอีซี เทโรศาสน ก่อนจะถูกบีอีซี เทโรศาสนปล่อยตัวออกจากทีมในที่สุด
ศรีสะเกษ เอฟซี
[แก้]เดือนธันวาคม 2556 ศรายุทธ ชัยคำดี ได้เดินทางไปทดสอบฝีเท้าที่สนามกีฬาศรีนครลำดวน (สนามกีฬาสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตศรีสะเกษ) เพื่อจะย้ายเข้ามาร่วมทีมศรีสะเกษ เอฟซี หลังจากการทดสอบฝีเท้าเป็นที่น่าพอใจ จึงได้เซ็นสัญญากับทีมเป็นระยะเวลา 1 ปี และได้เล่นในไทยพรีเมียร์ลีก 2557 ภายใต้การคุมทีมของพนิพล เกิดแย้ม [10] โดยศรายุทธลงสนามในไทยพรีเมียร์ลีก ให้ศรีสะเกษ เอฟซี นัดแรกในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ในเกมส์ลีกที่เปิดสนามกีฬาศรีนครลำดวน แพ้ โอสถสภา ไป 0-1 และมายิงประตูแรกในไทยพรีเมียร์ลีกให้ศรีสะเกษ เอฟซีได้ในเกมส์ที่พบกับชัยนาท ฮอร์นบิล ในวันที่ 15 มีนาคม 2557 ที่สนามเขาพลอง สเตเดี้ยม โดยศรายุทธโหม่งให้ศรีสะเกษ ออกนำก่อน 1-0 ก่อนจะจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ซึ่งเป็นการกลับมายิงประตูในระดับไทยพรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา เป็นการยุติสถิติยิงไม่ได้อย่างยาวนานลง
แต่อย่างไรก็ตามประตูที่ 2 และ 3 ในฤดูกาลนี้ของศรายุทธ ต้องรอถึงเกือบ 2 เดือนหลังจากนั้น โดยประตูที่ 2 ของเขาเกิดขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม 2557 เป็นเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกนัดที่ 12 ที่สนามกีฬาศรีนครลำดวน ระหว่างศรีสะเกษ เอฟซี พบ สมุทรสงคราม นัดนี้เป็นการลงสนามในลีกนัดที่ 8 ของตัวเขาในฤดูกาลนี้ โดยก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ลงสนามมา 3 เกมติดต่อกัน ในเกมส์นี้เขายิงคนเดียว 2 ประตู ให้ศรีสะเกษ ชนะไป 2-1 [11]
ในเดือนต่อมา วันที่ 15 มิถุนายน ในเกมส์ที่ศรีสะเกษต้องบุกไปเยือนสโมสรอาร์มี่ ยูไนเต็ด ขณะที่ทีมกำลังตามหลังที่สกอร์ 2-1 ศรายุทธ ชัยคำดี ได้ยิงฟรีคิกเข้าไปในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายของเกมส์ ช่วยให้ศรีสะเกษแบ่งแต้มออกมาจากสนามกีฬากองทัพบกอย่างเหลือเชื่อ
ศรายุทธ มายิงประตูที่ 5 ในไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ได้ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา ในเกมส์เปิดบ้านพบสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่สนามกีฬาศรีนครลำดวน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน โดยเขายิงให้ทีมไล่ตีเสมอ 1-1 ก่อนที่ทีมของเขาจะแพ้ไป 1-3 จากนั้นวันที่ 23 กรกฎาคม ศรายุทธ ชัยคำดี ยิงได้อีก 1 ประตูและช่วยให้ทีมเปิดบ้านเฉือนชนะสงขลา ยูไนเต็ดไป 3-2
วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีก ที่สนามกีฬาศรีนครลำดวน ศรายุทธ ชัยคำดี ลงสนามพบกับบีอีซี เทโรศาสน สโมสรที่ปล่อยเขาออกจากทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และสามารถยิงแฮตทริกใส่บีอีซี เทโรศาสน และพาศรีสะเกษชนะไปด้วยผล 3-2 จบฤดูกาลศรายุทธ ยิงในไทยพรีเมียร์ลีกได้ 9 ประตู และพาต้นสังกัดจบอันดับ 12 ในตาราง
ต่อมาในปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ศรายุทธ ชัยคำดี เจรจาเพื่อต่อสัญญาฉบับใหม่กับต้นสังกัดไม่ลงตัว และได้รับการติดต่อจากสะสม พบประเสริฐ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของสโมสรฟุตบอลแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัลในการย้ายทีม
แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล
[แก้]เดือนธันวาคม พ.ศ. 2557 ศรายุทธ ชัยคำดี เปิดตัวในฐานะกองหน้าคนใหม่ของสโมสรแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล ที่ลงแข่งขันในดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2558 โดยศรายุทธ เคยค้าแข้งกับสโมสรแห่งนี้มาแล้วในฐานะนักเตะรุ่นเยาวชน ในสมัยที่ยังใช้ชื่อว่า สโมสรฟุตบอลทหารอากาศ การย้ายทีมครั้งนี้จึงถือเป็นการกลับมาสู่ทีมแรกในชีวิตนักฟุตบอลของเขาเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ศรายุทธ ลงสนามให้สโมสรเป็นครั้งแรกในการแข่งขันดิวิชั่น 1 นัดที่เสมอกับสโมสรสุโขทัย เอฟซี 1-1 ที่สนามกีฬาธูปะเตมีย์ และยิงประตูแรกได้ในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะสโมสรภูเก็ต เอฟซี 2-0 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2558[12]
ทีมชาติไทย
[แก้]ศรายุทธ ชัยคำดี ติดทีมชาติไทย ชุด อายุไม่เกิน 23 ปี ลงแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ 2003 ที่ประเทศเวียดนาม ภายใต้การคุมทีมของการ์ลอส โรแบร์โต้ คาวัลโญ่ โค้ชชาวบราซิล และสร้างสถิติยิงประตูได้ถึง 9 ประตู จากการลงเล่น 4 นัด โดยในรอบแบ่งกลุ่ม วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ศรายุทธยิงคนเดียว 4 ประตูในเกมส์ที่ชนะทีมชาติลาวไปถึง 6-0 ที่เมืองฮานอย และวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ศรายุทธยิงอีก 2 ประตูในเกมส์ที่ชนะอินโดนีเซีย 6-0
ในรอบรองชนะเลิศที่ไทยพบกับทีมชาติพม่าศรายุทธยังรักษาฟอร์มเยี่ยมยิง 2 ประตูให้ทีมชาติไทยชนะ 2-0 และพาไทยเข้าไปชิงชนะเลิศกับเจ้าภาพเวียดนาม ในรอบชิงชนะเลิศวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ที่สนามกีฬาหมีดิ่ญ เมืองฮานอย ศรายุทธยิงให้ไทยขึ้นนำ 1-0 ก่อนจะจบลงด้วยชัยชนะ 2-1 พาทีมฟุตบอลชายคว้าเหรียญทองได้สำเร็จพร้อมคว้าตำแหน่งดาวซัลโว ประจำการแข่งขัน
ชีวิตส่วนตัว
[แก้]ศรายุทธ ชัยคำดี สมรสกับสิรินรา หาสุณหะ อดีตนักกีฬายิงเป้าบินทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ปี 2549 ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ น.ส.สิริกัญญา ชัยคำดีหรือน้องจ๊ะจ๋า และบุตรชายหนึ่งคนคือ ด.ช.นรายุทธ ชัยคำดี หรือน้องปุ๊บปั๊บ
เกียรติประวัติ
[แก้]ทีมชาติไทย
[แก้]- เหรียญทองซีเกมส์ ปี 2546 เวียดนาม
- ดาวซัลโว ซีเกมส์ ปี 2546
- แชมป์คิงส์คัพ 49
สโมสร
[แก้]- การท่าเรือแห่งประเทศไทย
- แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2553
รางวัลส่วนตัว
[แก้]- ดาวซัลโว จีเอสเอ็มไทยลีก 2545/46 (12 ประตู)
- ดาวซัลโว ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2547/48 (10 ประตู)
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ โตโยต้า ลีกคัพ 2553 :(สโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี)
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2553 ของสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี
แฮตทริก
[แก้]ทีมชาติไทย
[แก้]- ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี :ซีเกมส์ 2003 (ยิง 4 ประตู ชนะทีมชาติลาว 6-0 สนาม ฮัง เด สเตเดี้ยม,ฮานอย วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2546)
- ทีมชาติไทย : ไทเกอร์คัพ 2004 (ชนะทีมชาติ ติมอร์ ตะวันออก 8-0 สนามกีฬาแห่งชาติบูกิต จาลิล สเตเดี้ยม,กัวลาลัมเปอร์ วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2547)
- ทีมชาติไทย : ฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก (ชนะทีมชาติเขตบริหารพิเศษมาเก๊า 7-1 ,สนามเดอะ มาเก๊า สเตเดี้ยม,เกาะไทปา มาเก๊า วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2550)
สโมสร
[แก้]- การท่าเรือไทย เอฟซี :เอเอฟซี คัพ 2010 (บุกชนะศรีวิจาย่า 1-4 สนามจากาบาริ่ง สเตเดี้ยม,ปาเลมบัง วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553)
- บางกอกกล๊าส เอฟซี :ไทยพรีเมียร์ลีก 2554 (ชนะสโมสรเพื่อนตำรวจ 5-3 สนามลีโอสเตเดี้ยม,ปทุมธานี 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554)
- ศรีสะเกษ เอฟซี : ไทยพรีเมียร์ลีก 2557 (ชนะสโมสรบีอีซี เทโรศาสน 3-2 สนามกีฬาศรีนครลำดวน,ศรีสะเกษ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557)
ทำประตูในนามทีมชาติ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "โจ้ 5 หลา" อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ประกาศยุติเส้นทางค้าแข้งในวัย 36 ปี
- ↑ ท่าเรือสิ้นลายแชมป์เก่าเอฟเอคัพ!! พ่ายโลมาฟ้าขาวคาบ้านเก็บถาวร 2010-08-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ โจ้ 5 หลา ซิวแข้งยอดเยี่ยมลีก คัพ
- ↑ “โจ้ 5 หลา” เซ็น 2 ปี ซบตักบางกอกกล๊าสแล้ว
- ↑ ศรายุทธ ชัยคำดี ลาบีจีย้ายซบอาร์มี่ ค่าตัว 2 ล้าน
- ↑ โจ้นำทัพอาร์มี่ไล่ตีเสมอชัยนาท 1-1 นัดเปิดสนามไทยลีก 2555
- ↑ น้าอำยันไม่รั้งศรายุทธย้ายทีม
- ↑ โจ้5หลา "ลา"บางกอก เอฟซี
- ↑ "ฉ่วยอัดโจ้! ชั่วโมงนี้ 2 หลายังเหนื่อย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-10. สืบค้นเมื่อ 2014-07-21.
- ↑ โจ้เปิดตัวกูปรี ลั่นขอคืนฟอร์มเพชฌฆาตเก็บถาวร 2013-12-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ โจ้ 5 หลาเบิ้ล! กูปรี เฉือนปลาทู 2-1
- ↑ โจ้5หลาปลดล็อก! แอร์ฟอร์ซคืนฟอร์มอัดภูเก็ต 2-0[ลิงก์เสีย]
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- กรี๊ด! "โจ้5หลา"ติดอันดับ 4 ดาวยิงโลกปี 2003 เก็บถาวร 2005-04-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จาก สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ
- อาร์มี่คว้าโจ้5หลา ข่าวไทยพรีเมียร์ลีก
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2524
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- นักฟุตบอลจากจังหวัดขอนแก่น
- นักฟุตบอลชายชาวไทย
- ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวไทย
- ผู้เล่นในไทยลีก
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลอาร์มี่ ยูไนเต็ด
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลสมุทรสงคราม
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลจัมปาศรี ยูไนเต็ด
- ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลขอนแก่น ยูไนเต็ด