อาการปวดเข่า
อาการปวดเข่า (Knee pain) | |
---|---|
เข่ามนุษย์ | |
สาขาวิชา | ออร์โทพีดิกส์ |
อาการปวดเข่า คือการเจ็บหรือปวดรอบ ๆ เข่า
ข้อเข่าเป็นข้อต่อระหว่างกระดูก 4 ชิ้น คือ กระดูกต้นขา กระดูกแข้ง กระดูกน่อง และกระดูกสะบ้า เข่ามีช่อง 4 ช่อง คือ (1–2) ช่องทั้งด้านใน (medial tibiofemoral) และด้านนอก (lateral tibiofemoral) ของข้อต่อกระดูกต้นขา-กระดูกแข้ง (3) ช่องข้อต่อกระดูกสะบ้า-กระดูกต้นขา (patellofemoral) และ (4) ข้อต่อกระดูกหน้าแข้ง-กระดูกน่องส่วนบน (superior tibiofibular joint) ช่องแต่ละช่องอาจมีการบาดเจ็บทางกล้ามเนื้อเส้นเอ็นจากการใช้งานซ้ำ ๆ, การบาดเจ็บอื่น ๆ หรือโรค
การวิ่งระยะไกลอาจก่ออาการปวดที่ข้อเข่า เพราะถูกแรงกระแทกสูง[ต้องการอ้างอิง] ตำแหน่งและความรุนแรงของอาการอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา อาการที่อาจเกิดร่วมได้แก่
- อาการบวมและข้อฝืด
- ผิวหนังแดงและอุ่นเมื่อสัมผัส
- อาการอ่อนแรงหรือไม่มั่นคง
- เสียงดังป๊อกแป๊กหรือเสียงลั่น
- ไม่สามารถเหยียดเข่าได้อย่างเต็มที่
เหตุ
[แก้]การบาดเจ็บ
[แก้]การบาดเจ็บที่มักพบตามตำแหน่งต่าง ๆ ได้แก่[1]
- อาการเคล็ด (การแพลงของเอ็นยึดกระดูก)
- Medial collateral ligament (เอ็นยึดข้อด้านใน)
- Lateral collateral ligament (เอ็นยึดข้อด้านนอก)
- Anterior cruciate ligament (เอ็นไขว้หน้า)
- Posterior cruciate ligament (เอ็นไขว้หลัง)
- หมอนรองเข่าฉีก (tear of meniscus)[2]
- Medial meniscus (หมอนรองเข่าด้านใน)
- Lateral meniscus (หมอนรองเข่าด้านนอก)
- การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
- กล้ามเนื้อกลุ่มควอดริเซ็บ ฟีเมอริส
- Hamstring muscles (กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง)
- Popliteal muscle (กล้ามเนื้อขาพับ)
- Patellar tendon (เอ็นกระดูกสะบ้า)
- Hamstring tendon (เอ็นกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง)
- Popliteal tendon (เอ็นกล้ามเนื้อขาพับ)
- Hemarthrosis (ภาวะเลือดออกในข้อ) - มักจะเกิดขึ้นค่อนข้างเร็วหลังการบาดเจ็บ ตั้งแต่ไม่กี่นาทีจนถึงไม่กี่ชั่วโมง[3]
กระดูกแตกหรือหัก
[แก้]- กระดูกต้นขาหัก
- กระดูกหน้าแข้งหัก
- กระดูกสะบ้าหัก[2]
โรค
[แก้]โรคบางอย่างที่ทำให้เข่าเจ็บรวมทั้ง
- ข้อเข่าเสื่อม[2]
- Chondromalacia patella (กระดูกอ่อนเคลือบกระดูกสะบ้านิ่ม)
- Baker's cyst เป็นการบวมน้ำข้างในหัวเข่า
- Meniscal cyst เป็นการเกิดถุงน้ำที่หมอนรองเข่า
- Discoid meniscus หมอนรองเข่าเป็นแผ่นเต็มซึ่งเป็นลักษณะที่มีน้อย ทำให้เจ็บเป็นบางกรณี
- Osgood-Schlatter disease เอ็นลูกสะบ้าบวม[2]
- Larsen-Johansson disease เอ็นลูกสะบ้าบวม[2]
- ข้อเข่าอักเสบรูมาตอยด์[2]
- โรคออสติโอคอนไดรติส ดีสซิแคนส์[4][5]
- Synovial chondromatosis disease เป็นโรคเนื้องอกกระดูก[6]
- เนื้องอก[7]
- กระดูกสันหลังอักเสบยึดติดซึ่งในบางกรณีทำให้เข่าเจ็บและบวม[8]
- ข้อเข่าอักเสบรีแอคทีฟ[9]
- Tuberculosis arthritis (ข้ออักเสบเหตุเชื้อวัณโรค)[10]
- ข้อเข่าอักเสบติดเชื้อ (Pyogenic arthritis)[11]
- Osteomyelitis กระดูกติดเชื้อ[12]
- ข้ออักเสบฮีโมฟิลิก[13]
- โรคเกาต์ (ข้ออักเสบจากเกาต์)[14]
- Neuroma เป็นเนื้องอกที่เยื่อประสาท[2]
การอักเสบ
[แก้]- เบอร์ไซติสที่เข่า เป็นการอักเสบของถุงน้ำเข่า
- Prepatellar bursitis เบอร์ไซติสของถุงน้ำด้านหน้ากระดูกสะบ้า หรือเรียกว่า เข่าแม่บ้าน ซึ่งพบบ่อยที่สุด
- Infrapatellar bursitis เบอร์ไซติสของถุงน้ำใต้กระดูกสะบ้า - เข่านักบวช (การอักเสบของถุงน้ำใต้กระดูกสะบ้าแบบตื้นและแบบลึก)
- Semimembranosus bursitis
- Tendinitis เอ็นอักเสบ[2]
- Patellar tendinitis เอ็นกล้ามเนื้อที่กระดูกสะบ้าอักเสบ หรือเรียกว่า เข่านักกระโดด
- Hamstring tendinitis เอ็นกล้ามเนื้อที่ต้นขาด้านหลังอักเสบ
- Popliteal tendinitis เอ็นกล้ามเนื้อขาพับอักเสบ
- Synovitis of the knee เยื่อบุข้อเข่าอักเสบ
รูปร่างผิดปกติ
[แก้]ความผิดปกติของรูปร่างเข่าที่พบบ่อย ได้แก่:
- กระดูกสะบ้าสองส่วน
- Genu varum ขาโก่ง
- Genu valgum ขาฉิ่ง คือเมื่อยืดขาตรง เข่าจะเฉียงมาชนกัน
- Genu recurvatum เข่าแอ่น คือเข่างอกลับด้าน
- Knee flexion deformity การงอเข่าผิดปกติ
กลุ่มอาการ
[แก้]- Patellofemoral pain syndrome กลุ่มอาการปวดระหว่างกระดูกสะบ้ากับกระดูกต้นขา[2]
- Plica syndrome กลุ่มอาการพลิกา[2] เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อพลิกา (ส่วนขยายที่หลงเหลือของเยื่อหุ้มเข่า) เกิดการระคายเคือง บวม หรืออักเสบ
- Iliotibial band syndrome[2] กลุ่มอาการแผ่นเอ็นด้านข้างต้นขา เป็นการบาดเจ็บที่เข่าที่พบบ่อยเป็นอันดับสอง เกิดจากการอักเสบที่บริเวณด้านข้างของเข่า สาเหตุมาจากการเสียดสีระหว่างแผ่นเอ็นด้านข้างต้นขา (iliotibial band ) และปุ่มกระดูกด้านข้างของกระดูกต้นขา (lateral epicondyle of the femur)
- Hoffa's syndrome[2]
- Joint hypermobility syndrome เป็นโรคทางพันธุกรรมเกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ทำให้ข้อเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นอิสระเกินไป
ข้อเคลื่อน
[แก้]- Patella dislocation กระดูกสะบ้าเคลื่อน
- ข้อเข่าเคลื่อน (Tibiofemoral joint dislocation) เป็นการเคลื่อนของข้อต่อระหว่างกระดูกหน้าแข้งกับกระดูกต้นขา
อุณหภูมิเย็น
[แก้]สำหรับผู้ทำงานในที่เย็น อาการปวดเข่ามักจะสามัญกว่าของผู้อยู่ในอุณหภูมิปกติ[15] อาการปวดเข่าจากความเย็นอาจเกิดเพราะการอักเสบของปลอกเอ็นกล้ามเนื้อ (tenosynovitis) รอบ ๆ เข่า ซึ่งความเย็นอาจเป็นเหตุหรือเป็นปัจจัยเสริม[15] มีเด็กที่เกิดข้ออักเสบเพราะถูกความเย็นจัดกัดซึ่งทำให้เซลล์กระดูกอ่อน (chondrocyte) บาดเจ็บ[16]
ยังมีโรคทางพันธุกรรมที่เรียกว่า familial cold autoinflammatory syndrome (กลุ่มอาการอักเสบจากภูมิคุ้มกันเพราะความเย็นแบบครอบครัว, FCAS) ซึ่งมักมีอาการปวดเข่าร่วมกับลมพิษ ไข้ และปวดตามข้อต่าง ๆ หลังจากสัมผัสกับความเย็นทั่ว ๆ ไป[17]
อาการปวดเข่าจากการเคลื่อนไหวน้อยลง
[แก้]การออกกำลังกายน้อยลง และการทำงานที่ต้องนั่งตลอดทั้งวันเป็นเหตุหนึ่งของการปวดข้อเข่า เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลงมักทำให้กล้ามเนื้อเข่าอ่อนแอลง หลอดเลือดก็อาจได้รับผลกระทบด้วย แล้วก่อภาวะที่ทำให้เจ็บปวด การออกกำลังให้ขยับแขนขาได้อย่างเต็มช่วงเต็มรูปแบบเป็นเรื่องสำคัญในการฟื้นความแข็งแรงของร่างกายแล้วกำจัดอาการปวดเข่า[ต้องการอ้างอิง] เมื่ออายุมากขึ้น การเคลื่อนไหวข้อเข่าอาจจะเสียดสีกับเนื้อเยื่อและกระดูกอ่อนติด ๆ กันมากขึ้น[ต้องการอ้างอิง]
สาเหตุอื่น ๆ
[แก้]- Ligamentous laxity ภาวะเอ็นหย่อน
- Fat pad impingement แผ่นไขมันในข้อเข่าถูกกดทับ
- Knee effusion ภาวะเข่ามีน้ำซึมซ่านสะสมที่ข้อเข่า
- ภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำลึก
- โรคของหลอดเลือดส่วนปลาย
- Exostosis กระดูกงอกที่เข่า
อาการปวดต่างที่
[แก้]อาการปวดต่างที่เป็นความเจ็บปวดในบริเวณซึ่งต่างกับจุดที่เป็นเหตุ โดยทั้งสองบริเวณได้เส้นประสาทจากปล้องเดียวกันของไขสันหลัง[18] บางครั้งอาการปวดเข่าอาจเกี่ยวข้องกับส่วนอื่นของร่างกาย ตัวอย่างเช่น อาการปวดเข่าอาจมาจากข้อเท้า เท้า ข้อสะโพก หรือกระดูกสันหลังส่วนเอว
การวินิจฉัย
[แก้]ควรหลีกเลี่ยงการตรวจเข่าด้วยเอ็มอาร์ไอสำหรับอาการปวดเข่าที่ไม่มีอาการหรือไร้น้ำซึมซ่านสะสม เว้นแต่การรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพเข่าจะไม่ได้ผล[19] สำหรับวินิจฉัยบางอย่าง เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม การตรวจด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอยังไม่พบว่าช่วยระบุโรคได้อย่างชัดเจน[20]
การจัดการ
[แก้]แม้การผ่าตัดจะช่วยการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและกระดูกหัก แต่ในเรื่องความเจ็บปวดหรือการใช้งานสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเข่าเพราะเข่าเสื่อม การผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง (arthroscopic surgery) ซึ่งเป็นการผ่าตัดทางกระดูกและกล้ามเนื้อที่สามัญที่สุดอย่างหนึ่ง ก็ไม่ได้ทำให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรืออย่างยั่งยืน และดังนั้นจึงไม่ได้แนะนำให้ทำในเกือบทุกกรณี[21][22][23] อาการปวดเข่าเกิดจากการสึกหรอ เช่น โรคข้อเสื่อมหรือหมอนรองเข่าฉีก การรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับอาการปวดเข่ารวมถึงกายภาพบำบัด[24] ยาแก้ปวดเช่นไอบิวพรอเฟน การยืดข้อ[25][26] การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า และการลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน[21]
ทั่วไปแล้ว การผสมผสานวิธีการรักษาหลายอย่างดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด การรักษาเช่นการออกกำลังกายที่บริหารทั้งเข่าและสะโพก การใส่อุปกรณ์พยุงเท้า และการติดเทปที่สะบ้า ล้วนแนะนำให้ใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่า[27]
หลักฐานจนถึงปี 2017 ชี้ว่า มีปัจจัยทางจิตวิทยาต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นในผู้ที่ปวดบริเวณกระดูกสะบ้าและต้นขา (patellofemoral pain)[28] ปัจจัยรวมทั้งความวิตกกังวล ความซึมเศร้า ความกลัวการเคลื่อนไหว และการคิดในแง่ร้ายที่สุด ซึ่งเชื่อว่ามีสหสัมพันธ์เชิงเส้นกับการเจ็บขึ้นและการใช้งานร่ายกายได้ลดลง[28] การคิดในแง่ร้ายที่สุดนิยามว่า เป็นจินตนาการถึงผลลัพธ์ซึ่งเลวร้ายที่สุดของสิ่งที่ทำหรือเหตุการณ์[29] ปัจจัยทางจิตสังคมอาจส่งผลกระทบทั้งในเชิงบวกหรือเชิงลบต่อคนไข้ในการทำตามคำแนะนำแพทย์เพื่อฟื้นฟูสภาพและจัดการความเจ็บปวดเข่า[28] อนึ่ง งานศึกษาพบว่า อาการปวดเข่าสัมพันธ์ในเชิงลบกับคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ อาการปวดเข่าที่เพิ่มขึ้น ๆ ยังสัมพันธ์กับการลดคุณภาพชีวิตที่ผู้ป่วยรายงาน เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ปวดเข่าหรือมีอาการปวดคงที่ แม้แต่ในประชากรวัยกลางคนที่อายุน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบ[30]
ระบาดวิทยา
[แก้]ประมาณ 25% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีประสบกับอาการปวดเข่าจากโรคข้อเข่าเสื่อม[21]
สังคมและวัฒนธรรม
[แก้]ในสหรัฐอเมริกา มีการใช้จ่ายมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 120,000 ล้านบาท) สำหรับการผ่าตัดเข่าด้วยกล้องส่อง แม้จะรู้แล้วว่าไม่มีประสิทธิผลสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเข่าจากการเสื่อมสภาพ[21]
เชิงอรรถและอ้างอิง
[แก้]- ↑ Green, Shelby (2022-11-24). "Knee Pain Location Chart". Feel Good Life. feelgoodlife. สืบค้นเมื่อ 2022-12-17.
- ↑ 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 2.11 van der Heijden, RA; Lankhorst, NE; van Linschoten, R; Bierma-Zeinstra, SM; van Middelkoop, M (January 2015). "Exercise for treating patellofemoral pain syndrome". The Cochrane Database of Systematic Reviews. 1: CD010387. doi:10.1002/14651858.CD010387.pub2. PMC 10898323. PMID 25603546.
- ↑ Hertling, Darlene; Kessler, Randolph M. (1996). Management of Common Musculoskeletal Disorders (3rd ed.). Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins. ISBN 978-0-397-55150-7.
- ↑ "Osteochondritis Dissecans". The Lecturio Medical Concept Library. สืบค้นเมื่อ 2021-08-22.
- ↑ WC, Shiel Jr. "Definition of Osteochondritis dissecans". MedicineNet, Inc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-07. สืบค้นเมื่อ 2009-02-20.
- ↑ "Synovial chondromatosis". Soft Tissue and Bone Tumours: WHO Classification of Tumours. International Agency for Research on Cancer. 2020. pp. 368–369. ISBN 978-92-832-4502-5.
- ↑ "Neoplasm". Lexico. Oxford University Press. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-26.
- ↑ "Ankylosing Spondylitis". The Lecturio Medical Concept Library. สืบค้นเมื่อ 2021-08-22.
- ↑ "Reactive Arthritis". The Lecturio Medical Concept Library. สืบค้นเมื่อ 2021-08-22.
- ↑ "Tuberculosis (TB)". www.who.int (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-05-08.
- ↑ "Septic Arthritis". The Lecturio Medical Concept Library. สืบค้นเมื่อ 2021-08-22.
- ↑ "Osteomyelitis". The Lecturio Medical Concept Library. สืบค้นเมื่อ 2021-08-22.
- ↑ "What Is Hemophilia?". cdc.gov. U.S. Centers for Disease Control. 2020-05-12. สืบค้นเมื่อ 2021-04-03.
- ↑ "Gout". The Lecturio Medical Concept Library. 2020-09-09. สืบค้นเมื่อ 2021-08-22.
- ↑ 15.0 15.1 Pienimäki, T (May 2002). "Cold exposure and musculoskeletal disorders and diseases. A review". International Journal of Circumpolar Health. 61 (2): 173–82. doi:10.3402/ijch.v61i2.17450. PMID 12078965.
- ↑ Carrera, GF; Kozin, F; McCarty, DJ (October 1979). "Arthritis after frostbite injury in children". Arthritis and Rheumatism. 22 (10): 1082–7. doi:10.1002/art.1780221006. PMID 486219.
- ↑ การศึกษาทางคลินิกหมายเลข NCT00887939 เรื่อง "Pathogenesis of Physical Induced Urticarial Syndromes" ที่ ClinicalTrials.gov
- ↑ Porth, Carol (2011). Essentials of Pathophysiology: Concepts of Altered Health States. Lippincott Williams & Wilkins. p. 853. ISBN 978-1-58255-724-3.
- ↑ American Medical Society for Sports Medicine (2014-04-24), "Five Things Physicians and Patients Should Question", Choosing Wisely: an initiative of the ABIM Foundation, American Medical Society for Sports Medicine, สืบค้นเมื่อ 2014-07-29
- Dixit, S; DiFiori, JP; Burton, M; Mines, B (January 2007). "Management of patellofemoral pain syndrome". American Family Physician. 75 (2): 194–202. PMID 17263214.
- Atanda, A; Ruiz, D; Dodson, CC; Frederick, RW (February 2012). "Approach to the active patient with chronic anterior knee pain". The Physician and Sportsmedicine. 40 (1): 41–50. doi:10.3810/psm.2012.02.1950. PMID 22508250. S2CID 25791476.
- Pappas, E; Wong-Tom, WM (March 2012). "Prospective Predictors of Patellofemoral Pain Syndrome: A Systematic Review With Meta-analysis". Sports Health. 4 (2): 115–20. doi:10.1177/1941738111432097. PMC 3435911. PMID 23016077.
- Rixe, JA; Glick, JE; Brady, J; Olympia, RP (September 2013). "A review of the management of patellofemoral pain syndrome". The Physician and Sportsmedicine. 41 (3): 19–28. doi:10.3810/psm.2013.09.2023. PMID 24113699. S2CID 24177847.
- Roush, MB; Sevier, TL; Wilson, JK; Jenkinson, DM; Helfst, RH; Gehlsen, GM; Basey, AL (January 2000). "Anterior knee pain: a clinical comparison of rehabilitation methods". Clinical Journal of Sport Medicine. 10 (1): 22–8. doi:10.1097/00042752-200001000-00005. PMID 10695846. S2CID 25418309.
- ↑ Culvenor, AG; Øiestad, BE; Hart, HF; Stefanik, JJ; Guermazi, A; Crossley, KM (June 2018). "Prevalence of knee osteoarthritis features on magnetic resonance imaging in asymptomatic uninjured adults: a systematic review and meta-analysis". British Journal of Sports Medicine. 53 (20): bjsports–2018–099257. doi:10.1136/bjsports-2018-099257. PMC 6837253. PMID 29886437.
- ↑ 21.0 21.1 21.2 21.3 Siemieniuk, RA; Harris, IA; Agoritsas, T; Poolman, RW; Brignardello-Petersen, R; Van de Velde, S; Buchbinder, R; Englund, M; Lytvyn, L; Quinlan, C; Helsingen, L; Knutsen, G; Olsen, NR; Macdonald, H; Hailey, L; Wilson, HM; Lydiatt, A; Kristiansen, A (May 2017). "Arthroscopic surgery for degenerative knee arthritis and meniscal tears: a clinical practice guideline". BMJ. 357: j1982. doi:10.1136/bmj.j1982. PMC 5426368. PMID 28490431.
- ↑ Brignardello-Petersen, Romina; Guyatt, Gordon H; Buchbinder, Rachelle; Poolman, Rudolf W; Schandelmaier, Stefan; Chang, Yaping; Sadeghirad, Behnam; Evaniew, Nathan; Vandvik, Per O (2017). "Knee arthroscopy versus conservative management in patients with degenerative knee disease: a systematic review". BMJ Open. 7 (5): e016114. doi:10.1136/bmjopen-2017-016114. ISSN 2044-6055. PMC 5541494. PMID 28495819.
- ↑ Kise, Nina Jullum; Risberg, May Arna; Stensrud, Silje; Ranstam, Jonas; Engebretsen, Lars; Roos, Ewa M (2016-07-20). "Exercise therapy versus arthroscopic partial meniscectomy for degenerative meniscal tear in middle aged patients: randomised controlled trial with two year follow-up". BMJ: i3740. doi:10.1136/bmj.i3740. ISSN 1756-1833. PMC 4957588. PMID 27440192.
- ↑ Lack, S; Neal, B; De Oliveira Silva, D; Barton, C (July 2018). "How to manage patellofemoral pain - Understanding the multifactorial nature and treatment options". Physical Therapy in Sport. 32: 155–166. doi:10.1016/j.ptsp.2018.04.010. hdl:11449/171014. PMID 29793124. S2CID 46921956.
- ↑ "Knee Reviver, innovatief product voor gewrichtsparende behandeling bij knieartrose". NWO. 2024-01-01. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-05. สืบค้นเมื่อ 2024-09-22.
- ↑ "Kniedistractie - UMC Utrecht". www.umcutrecht.nl. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-04-18.
- ↑ Crossley, KM; van Middelkoop, M; Callaghan, MJ; Collins, NJ; Rathleff, MS; Barton, CJ (July 2016). "2016 Patellofemoral pain consensus statement from the 4th International Patellofemoral Pain Research Retreat, Manchester. Part 2: recommended physical interventions (exercise, taping, bracing, foot orthoses and combined interventions)". British Journal of Sports Medicine. 50 (14): 844–52. doi:10.1136/bjsports-2016-096268. PMC 4975825. PMID 27247098.
- ↑ 28.0 28.1 28.2 Maclachlan, LR; Collins, NJ; Matthews, ML; Hodges, PW; Vicenzino, B (May 2017). "The psychological features of patellofemoral pain: a systematic review". British Journal of Sports Medicine. 51 (9): 732–742. doi:10.1136/bjsports-2016-096705. PMID 28320733.
- ↑ "Definition of CATASTROPHIZE". www.merriam-webster.com. สืบค้นเมื่อ 2019-03-12.
- ↑ Singh, Ambrish; Campbell, Julie A.; Venn, Alison; Jones, Graeme; Blizzard, Leigh; Palmer, Andrew J.; Dwyer, Terence; Cicuttini, Flavia; Ding, Changhai; Antony, Benny (September 2021). "Association between knee symptoms, change in knee symptoms over 6-9 years, and SF-6D health state utility among middle-aged Australians". Quality of Life Research. 30 (9): 2601–2613. doi:10.1007/s11136-021-02859-5. PMID 33942204. S2CID 233487528.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]การจำแนกโรค | |
---|---|
ทรัพยากรภายนอก |