โรซา ลุคเซิมบวร์ค
โรซา ลุคเซิมบวร์ค | |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 5 มีนาคม ค.ศ. 1871 ซามอชช์, วิสทูลาแลนด์, จักรวรรดิรัสเซีย |
เสียชีวิต | 15 มกราคม ค.ศ. 1919 เบอร์ลิน, สาธารณรัฐไวมาร์ | (47 ปี)
สัญชาติ | เยอรมัน |
ศาสนา | ไม่มีศาสนา (เดิม ศาสนายูดาห์) |
พรรคการเมือง | พรรคกรรมาชีพ, พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยแห่งราชอาณาจักรโปแลนด์และลิทัวเนีย, พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยแห่งเยอรมนี, พรรคสังคมประชาธิปไตยอิสระแห่งเยอรมนี, พันธมิตรสปาตาคัส, พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนี |
คู่อาศัย | เลโอ โยกีเฮส |
คู่สมรส | กุสทัฟ ลือเบ็ค |
ญาติ | เอลีอัช ลุคเซิมบวร์ค (พ่อ) ลีเนอ เลอเวินชไตน์ (แม่) |
วิชาชีพ | นักปฏิวัติ |
โรซา ลุคเซิมบวร์ค (เยอรมัน: Rosa Luxemburg; โปแลนด์: Róża Luksemburg; 5 มีนาคม ค.ศ. 1871[1] – 15 มกราคม ค.ศ. 1919) เป็นชาวโปแลนด์ที่เป็นนักทฤษฎีมาร์กซิสต์ นักปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์ และนักเคลื่อนไหวต่อต้านสงคราม และนักปฏิวัติสังคมนิยมซึ่งได้กลายเป็นพลเมืองสัญชาติเยอรมัน เมื่ออายุ 28 ปี เธอได้เป็นสมาชิกของพรรคสังคมประชาธิปไตยในราชอาณาจักรโปแลนด์และลิทัวเนีย (SDKPiL), พรรคประชาธิปไตยสังคมแห่งเยอรมนี (SPD), พรรคสังคมประชาธิปไตยอิสระเยอรมนี (USPD) และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนี (KPD)
ในปี ค.ศ. 1915 ภายหลังจากพรรค SPD ได้สนับสนุนเยอรมันในการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เธอและคาร์ล ลีบค์เน็คท์ร่วมกันก่อตั้งสันนิบาติสปาร์ตาคัส (Spartakusbund) โดยมีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านสงคราม ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นพรรค KPD ในช่วงการปฏิวัติพฤศจิกายน เธอได้ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์ที่ชื่อว่า Die Rote Fahne ("ธงสีแดง") ซึ่งเป็นสื่อหลักสำคัญของขบวนการสปาตาคิสต์
เธอได้พิจารณาว่าการก่อการกำเริบสปาตาคิสต์ ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1919 นับเป็นความผิดพลาด[2] แต่ก็ได้สนับสนุนให้เป็นเหตุการณ์ที่เปิดเผย รัฐบาลของพรรคประชาธิปไตยสังคมนิยมที่มีเสียงข้างมากของฟรีดริช เอเบิร์ทได้ทำการกวาดล้างการก่อกบฏและสปาร์ตาคุสบูนด์โดยส่งกองกำลังไฟร์คอรพ์ (กลุ่มกองกำลังกึ่งทหารที่รัฐบาลให้การสนับสนุนซึ่งประกอบไปด้วยทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง) ทหารไฟร์คอรพ์ได้เข้าจับกุมและประหารชีวิตอย่างรวบรัดต่อลุคเซิมบวร์คและลีบค์เน็คท์ ในช่วงการก่อกบฏ ร่างของลุคเซิมบวร์คถูกโยนลงในคลองลันด์เวร์ (Landwehr) ในกรุงเบอร์ลิน
เนื่องจากเธอได้ชี้ให้เห็นถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ต่อทั้งพวกเลนินลิสต์และโรงเรียนประชาธิปไตยสังคมปานกลางของสังคมนิยม ลุคเซิมบวร์คได้มีการตอบรับค่อนข้างสับสนในหมู่นักวิชาการและนักทฤษฏีของการเมืองฝ่ายซ้าย[3] อย่างไรก็ตาม ลุคเซิมบวร์คและลีบค์เน็คท์ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในฐานะมรณสักขีพยานคอมมิวนิสต์โดยเยอรมนีตะวันออกที่มีระบอบคอมมิวนิสต์[4] สำนักงานสหพันธรัฐเพื่อการคุ้มครองรัฐธรรมของเยอรมันได้จดบันทึกว่า การเคารพบูชาต่อโรซา ลุคเซิมบวร์คและคาร์ล ลีบค์เน็คท์ได้เป็นประเพณีที่สำคัญของพวกเยอรมันฝ่ายซ้ายสุดโต่ง[5]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Luxemburg biography at marxists.org
- ↑ Frederik Hetmann: Rosa Luxemburg. Ein Leben für die Freiheit, p. 308
- ↑ Leszek Kołakowski ([1981], 2008), Main Currents of Marxism, Vol. 2: The Golden Age, W. W. Norton & Company, Ch III: "Rosa Luxemburg and the Revolutionary Left"
- ↑ Gedenken an Rosa Luxemburg und Karl Liebknecht – ein Traditionselement des deutschen Linksextremismus (PDF). BfV-Themenreihe. Cologne: Federal Office for the Protection of the Constitution. 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 13 December 2017.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อVerfassungsschutz2